บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์จากการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบต่อเติม
ผลงานของนักเรียนชั้นอนุบาล โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) เทศบาล นครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ชื่อผู้วิจัย นางพนิดา ยอดราช
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนากิจกรรมสร้างสรรค์แบบต่อเติมผลงานให้มี
ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ เพื่อเปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนอนุบาลที่ได้รับการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบต่อเติมผลงานกับกิจกรรมสร้างสรรค์แบบปกติ เพื่อเปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนอนุบาลก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบต่อเติมผลงาน และเพื่อเปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนอนุบาลก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบปกติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/1 และนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวน 2 ห้องเรียน นักเรียนจำนวน 60 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive selection) ประกอบด้วยกลุ่มทดลองได้รับการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบต่อเติมผลงาน จำนวน 30 คน กลุ่มควบคุมได้รับการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบปกติ จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ กิจกรรมสร้างสรรค์แบบต่อเติมผลงาน และแบบทดสอบวัดความคิดสร้างสรรค์ซึ่งประยุกต์มาจากแบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์ของทอแรนซ์ แบบอาศัยรูปภาพเป็นสื่อ โดยได้กำหนดสิ่งเร้า ให้มีลักษณะคล้ายกัน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน แต่แตกต่างกันที่สิ่งเร้าที่กำหนด ลักษณะของแบบทดสอบ ประกอบด้วยกิจกรรม 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมชุดที่ 1 การสร้างรูปภาพ โดยให้เด็กต่อเติมภาพจาก สิ่งเร้าที่กำหนดให้ ซึ่งเป็นรูปทรงที่แตกต่างกัน และวาดภาพต่อเติมโดยนึกถึงรูปภาพ ที่ไม่มีใครนึกถึงและตั้งชื่อภาพ จำนวน 10 ภาพ กิจกรรมชุดที่ 2 การต่อเติมรูปภาพ โดยให้เด็กต่อเติมภาพจากสิ่งเร้า ที่กำหนดให้เป็นรูปเส้นในลักษณะต่างๆ เป็นการต่อเติมภาพให้แปลกน่าสนใจ เสร็จแล้วให้ตั้งชื่อและเล่าเรื่องในแต่ละภาพ จำนวน 10 ภาพ กิจกรรมชุดที่ 3 การต่อเติมรายละเอียดภาพ โดยให้เด็กคิด ต่อเติมรายละเอียดจากภาพที่กำหนดให้ เน้นการต่อเติมภาพให้แปลกแตกต่าง ไม่ซ้ำใคร แล้ว ตั้งชื่อภาพที่ต่อเติมด้วย การทำแบบทดสอบทั้ง 3 กิจกรรม เน้นการวาดภาพให้แปลก น่าตื่นเต้น น่าสนใจ และแสดงความคิดเห็นของเด็ก หรือแสดงเอกลักษณ์ของภาพ กิจกรรมทั้ง 3 ชุด ใช้เวลาทำชุดละ 15 นาที เมื่อหมดเวลากิจกรรมหนึ่ง ก็ต้องทำกิจกรรมชุดถัดไปทันที กิจกรรมทั้ง 3 ชุดใช้เวลา 45 นาที แผนการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบต่อเติมผลงาน จำนวน 40 แผน แผนการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบปกติ จำนวน 40 แผน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที
ผลการวิจัยพบว่า ค่าร้อยละที่ประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านความคิดสร้างสรรค์ ทั้ง 3 ด้านรวมกันระหว่างดำเนินกิจกรรมในแต่ละหน่วยโดยเฉลี่ยได้เท่ากับ 88.88 และค่าร้อยละ ที่นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ทั้ง 3 ด้านรวมกันของคะแนนที่นักเรียนทำได้จากแบบทดสอบวัดความคิดสร้างสรรค์ เท่ากับ 85.11 ซึ่งนำมาแทนค่าตามสูตรการหาประสิทธิภาพของกระบวนการ E ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ E แล้วทำการเปรียบเทียบระหว่าง E กับ Eได้เท่ากับ 88.88 / 85.11 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ ไม่ต่ำกว่า 80 / 80 จากการเปรียบเทียบนักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบต่อเติมผลงานมีความคิดสร้างสรรค์สูงกว่าแบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบต่อเติมผลงานมีความคิดสร้างสรรค์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และนักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบปกติมีความคิดสร้างสรรค์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 แสดงว่า นักเรียนมีผลการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในระดับที่สูงขึ้น และแผนการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบต่อเติมผลงานที่สร้างขึ้นสามารถพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นกับเด็กได้ครบถ้วนกระบวนการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น