ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ
เรื่อง การใช้โปรแกรมนำเสนอ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นายมนิต นิลโมจน์
ปีที่วิจัย พ.ศ. 2553
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถการใช้คอมพิวเตอร์ในการนำเสนอ กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี วิธีดำเนินการวิจัยในครั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายของ การวิจัยได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) ปีการศึกษา 2553 จำนวน 8 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบฝึกทักษะ เรื่อง การใช้โปรแกรมนำเสนอ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ผลการวิจัย สรุปได้ดังนี้
นักเรียนมีค่าเฉลี่ยการใช้คอมพิวเตอร์ในการนำเสนอหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ร้อยละ 82.50
รวมผลงานและเผยแพร่การวิจัย วิจัยในชั้นเรียน เพื่อประโยชน์แก่การสร้างสรรค์ผลงานทางการศึกษา
บทความที่ได้รับความนิยม
-
รายงานการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ...
-
บทคัดย่อ รายงานการศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อการพัฒนาชุดการสอนสื่อประสม เรื่อง การใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียน...
-
ชื่อเรื่อง การประเมินโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพของโรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) เทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ผู้ศึกษา น...
-
ชื่อผลงาน การประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนเทศบาล ๕ (วัดหาดใหญ่) ...
-
ชื่อผลงาน รายงานการใช้หนังสือภาษาไทยในเสียงเพลงกับ 5 W 1 H ในการอ่านจับใจความ ...
-
บทคัดย่อ ชื่อผลงาน : ผลการใช้วิธีสอน แบบเอริกา ( Erica Model) ร่วมกับเทคนิคการตั้งคำถามของบลูม และเทค...
-
บทคัดย่อ ชื่อผลงานทางวิชาการ : รายงานผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความสามารถในการคิดวิเคราะห์และความคงทนในการเรียนรู้ วิชาสังคมศึกษ...
-
บทคัดย่อ ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์จากการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์แบบต่อเติม ผลงานของนักเรียนชั้นอนุบาล โรงเรียน...
-
ชื่อผลงาน ศึกษาสภาพการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมนักเรียนของผู้บริหารและครูโรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) ...
-
ชื่อเรื่อง รายงานผลการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง พืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ...
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
รายงานการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book)
รายงานการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book)
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน)
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ชุด งานบ้านน่ารู้
นางวราภรณ์ ถูกต้อง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี)
สำนักการศึกษา เทศบาลนครหาดใหญ่
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มสาระ การเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ชุดงานบ้านน่ารู้ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชุดงานบ้านน่ารู้
ที่เรียนโดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/3 โรงเรียนเทศบาล 1 (เอ็งเสียงสามัคคี) สำนักการศึกษา เทศบาลนครหาดใหญ่ ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา 2552 ซึ่งได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม จากห้องเรียนที่จัดผู้เรียนแบบคละความสามารถกัน ซึ่งมีจำนวน 8 ห้องเรียน
จับฉลากเลือกมา 1 ห้องเรียน ได้ห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/3 จำนวนนักเรียน 38 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มสาระการเรียนรู้
การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชุดงานบ้านน่ารู้ จำนวน 4 เรื่อง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ และแบบสอบถาม
ความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนโดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) จำนวน 20 ข้อ
ผลการศึกษาพบว่า ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน) ชุดงานบ้านน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.04/86.18 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ 80/80
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน ( =34.47) สูงกว่าก่อนเรียน (=17.66) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ที่ระดับ .01 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน) ชุดงานบ้านน่ารู้ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ
มากที่สุด ( = 4.52)
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน)
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ชุด งานบ้านน่ารู้
นางวราภรณ์ ถูกต้อง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี)
สำนักการศึกษา เทศบาลนครหาดใหญ่
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มสาระ การเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ชุดงานบ้านน่ารู้ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชุดงานบ้านน่ารู้
ที่เรียนโดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/3 โรงเรียนเทศบาล 1 (เอ็งเสียงสามัคคี) สำนักการศึกษา เทศบาลนครหาดใหญ่ ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา 2552 ซึ่งได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม จากห้องเรียนที่จัดผู้เรียนแบบคละความสามารถกัน ซึ่งมีจำนวน 8 ห้องเรียน
จับฉลากเลือกมา 1 ห้องเรียน ได้ห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/3 จำนวนนักเรียน 38 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มสาระการเรียนรู้
การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชุดงานบ้านน่ารู้ จำนวน 4 เรื่อง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ และแบบสอบถาม
ความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนโดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) จำนวน 20 ข้อ
ผลการศึกษาพบว่า ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน) ชุดงานบ้านน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.04/86.18 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ 80/80
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน ( =34.47) สูงกว่าก่อนเรียน (=17.66) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ที่ระดับ .01 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานบ้าน) ชุดงานบ้านน่ารู้ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ
มากที่สุด ( = 4.52)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)